เกมนี้ลูกทีมของ โธมัส แฟรงค์ ออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นตามแท็กติกครบถ้วน ใช้จังหวะลูกตั้งเตะและลูกกลางอากาศสร้างปัญหาให้แนวรับเปแอสเชตลอดครึ่งแรก นาที 25 จากฟรีคิกไกลที่ผู้รักษาประตู กูลิเอลโม วีคาริโอ เปิดยาวถึงเขตโทษ คริสเตียน โรเมโร โหม่งชงให้เพื่อนยิง ก่อนบอลเด้งชนคานและ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ซ้ำจ่อเป็น 1-0

ครึ่งหลังเริ่มมาแค่ 3 นาที สเปอร์สหนี 2-0 จากฟรีคิกของ เปโดร ปอร์โร เปิดให้โรเมโรโหม่งย้อนเสียบเสา แม้ผู้รักษาประตูมือใหม่ของเปแอสเช ลูคัส เชวาลิเยร์ จะปัดได้แต่ไม่พ้น

เกมทำท่าจะจบสวยงามสำหรับสเปอร์ส แต่ช่วงท้ายเปแอสเชเร่งเครื่อง นาที 85 ตัวสำรอง อี คัง-อิน ซัดไกลสุดสวยให้ไล่มา 2-1 และช่วงทดเจ็บนาที 94 อุสมาน เดมเบเล่ เปิดให้ กอนซาโล รามอส โหม่งตีเสมอ 2-2 ส่งเกมสู่การดวลจุดโทษ

ช่วงตัดสิน สเปอร์สพลาดสองครั้งจากฟาน เดอ เฟน และ มาธิส เทล ส่วนฝั่งเปแอสเชแม้ วิตินญ่า ยิงพลาด แต่เมนเดสรับหน้าที่ยิงปิดเกม พาทีมคว้าชัย 4-3 ในการดวลโทษ

แม้สเปอร์สจะแพ้ แต่แฟรงค์ยังพอใจผลงานโดยรวม โดยเฉพาะฟอร์มของ โมฮัมเหม็ด คูดุส ที่พาบอลได้ดีและเชื่อมเกมกับ ริชาร์ลิซอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เกมนี้เป็นบทเรียนว่าการเผชิญหน้ากับยอดทีมยุโรป ต้องรักษามาตรฐานจนถึงวินาทีสุดท้าย